21 ส.ค. 2553

เรื่องสระลอยและวรรณยุกต์ลอย (ลอยไปไหน)

ผมใช้ Adobe Illustrator ตั้งแต่ version 10 จนตอนนี้ ถึง CS4 ก็ยังมีปัญหาเรื่องสระลอยและวรรณยุกต์ลอย วิธีแก้ไขมีให้เลือกดังนี้

1. เปลี่ยนไปใช้โปรแกรมอื่นอย่างPaint.NetหรือGimp ช่างเป็นเรื่องน่าตลกที่Adobeไม่สามารถทำได้จนถึงทุกวันนี้แต่2ตัวนี้ทำได้ ที่สำคัญฟรีด้วย

2. ใช้โปรแกรมSaru Revowelเป็นโปรแกรมที่ใช้แก้สระลอยของคนไทยใช้กับของAdobeได้ทุกตัว

3. ใช้ Font ของ f0nt.com เพราะส่วนใหญ่ Font ที่มากับเครื่องเป็นรุ่นเก่า

ที่มา http://sakary.exteen.com/20090415/entry
http://www.thaidphoto.com/forums/showthread.php?t=25128

Raster / Vector และ Pixel

ภาพบนคอมพิวเตอร์ หรือกราฟิคคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทคือ ภาพแบบบิตแมป (bitmap) และภาพแบบเวกเตอร์(vector) ความเข้าใจความแตกต่างของกราฟิค ทั้งสองประเภทจะช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และตรงตาม จุดประสงค์สูงสุดในการใช้งาน

Vector Graphic
ภาพแบบเวกเตอร์จะต่างจากภาพแบบบิตแมป ซึ่งคุณจะได้พบกับภาพแบบนี้บนโปรแกรม สำหรับวาดภาพเช่น Adobe Illustrator,Macromedia Freehand ภาพแบบเวกเตอร์จะประกอบด้วย เส้นสาย ลวดลายต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ของลักษณะทางเรขาคณิตเพื่อ สร้างรูปทรงต่าง ๆ ที่คุณเห็น ซึ่งเรียกว่าเวกเตอร์ (vectors)

ข้อดีของภาพแบบเวกเตอร์ที่มีเหนือภาพแบบบิตแมป คือ คุณสามารถเคลื่อนย้าย ปรับขนาด เปลี่ยนสี รูปทรง โดยไม่สูญเสียคุณภาพของภาพ เพราะภาพแบบเวกเตอร์ เป็นภาพที่ไม่ขึ้นกับ ความละเอียด นั่นคือสามารถปรับขนาดและพิมพ์ที่ความละเอียดใด ๆ โดยไม่สูญเสียรายละเอียด และคุณภาพ ดังนั้นภาพแบบเวกเตอร์จึงเหมาะกับภาพลายเส้นต่าง ๆ เช่น ตัวอักษร โลโก้

Raster Graphic
โปรแกรมปรับแต่งภาพส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในท้องตลาดทุกวันนี้ มักจะทำงานกับภาพแบบบิตแมป หรือที่เรียกกันว่าแบบราสเตอร์ (raster) ภาพแบบบิตแมปนี้จะใช้ กริดของตารางเล็ก ๆ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “พิกเซล” (pixel) สำหรับแสดงภาพ แต่ละพิกเซลก็จะมีค่าของตำแหน่งและค่าสีของตัวเอง ด้วยเหตุที่พิกเซลมีขนาดเล็กเราจึงเห็นว่าภาพ มีความละเอียดสวยงามไม่มีลักษณะของกรอบสี่เหลี่ยมให้เห็น แต่ถ้าเราขยายขนาดของภาพ ก็จะเห็นกรอบเล็ก ๆ หรือพิกเซลที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพ ดังนั้นนเมื่องคุณทำงานกับภาพแบบมิตแมป จึงเป็นทำงานกับพิกเซลเล็ก ๆ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพ ไม่ใช่วัตถุหรือรูปทรงที่เห็น ภาพแบบบิตแมปเป็นภาพที่ขึ้นอยู่กับความละเอียด (resolution)
นั่นคือ มีจำนวนพิกเซลที่แน่นอนในการแสดงภาพ ดังนั้นจากตัวอย่างในภาพที่ 1 คุณจะเห็นว่าเมื่อภาพถูกขยาย หรือพิมพ์ด้วยความละเอียดไม่มากพอภาพจะสูญเสียรายละเอียด และปรากฏเป็นรอยหยักอย่างชัดเจนอย่างไรก็ตามภาพแบบบิตแมป ถือเป็นรูปแบบที่เหมาะกับภาพที่มีเฉดและสีสันจำนวนมาก เช่น ภาพถ่าย หรือภาพวาด


Pixel
พิกเซล (Pixel) เป็นการผสมผสานของคำว่า “Picture” และ “element” คือหน่วย พื้นฐานของภาพ ภาพบิตแมปทุก ๆ ภาพประกอบขึ้นด้วยพิกเซล แต่ละพิกเซลจะมีลักษณะ เป็นรูปสี่เหลี่ยมที่เก็บข้อมูลของสีโดยถูกกำหนตำแหน่งไว้บนเส้นกริดของแนวแกน x และ y ในลักษณะคล้ายแผนที่ (map) นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่าบิตแมป (bitmap) เช่น พิกเซลของ ภาพ 8 บิต จะเก็บข้อมูลของสี 8 บิต ที่จอภาพจะใช้ในการแสดงผล ดังนั้นภาพภาพหนึ่งจึงประกอบด้วยพิกเซลเล็ก ๆ จำนวนมาก ซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้เมื่อ ขยายภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จำนวนของพิกเซล

ที่แสดงต่อหน่วยของความยาวในภาพจะถูกเรียกว่าความละเอียด ของภาพ โดยปกติจะวัดเป็นพิกเซลต่อนิ้ว (ppi : pixel per inch) ภาพที่มีความละเอียดสูงจะประกอบไปด้วยพิกเซลจำนวนมากที่มีขนาดเล็กกว่าภาพเดียวกันที่มีความละเอียดน้อยกว่า ตัวอย่าง เช่น ภาพขนาด 1 x 1 นิ้ว ที่ความละเอียด 72 ppi จะประกอบด้วยพิกเซล 5,184 พิกเซล (ความกว้าง 72 พิกเซล x ความยาว 72 พิกเซล = 5,184) และภาพเดียวกันที่ความละเอียด 300 ppi จะประกอบด้วยพิกเซล 90,000 พิกเซลที่มีขนาดของพิกเซลเล็กกว่า (300 x 300 = 90,000) แน่นอน ว่าภาพที่มีความละเอียดมากกว่าก็จะใช้พื้นที่ในการจัดเก็บมากกว่า

ที่มา http://www.edu-mine.com/photoshop/lesson1_RasterVector.html

14 ส.ค. 2553

How to: Compile Linux kernel 2.6 (Ubuntu 10.04)

1. ไปเอา kernel ที่ stable อันล่าสุดมา จากเวบ http://kernel.org/
$ cd /tmp
$ wget http://www.kernel.org/pub/linux/kernel/v2.6/linux-2.6.35.2.tar.bz2

2. แตกไพล์
# tar -xjvf linux-2.6.35.2.tar.bz2 -C /usr/src
# cd /usr/src/linux-2.6.35.2

3. Configure kernel
ก่อนที่จะ Compile จะต้องมี development tools ก่อน เช่น gcc compilers ถ้าไม่มีก็พิมพ์ตามข้างล่างนี้เลย (ใช้คำสั่ง whereis gcc เพื่อดูว่าติดตั้งรึยัง)
# apt-get install gcc

$ make menuconfig ความจริงมี 3 วิธีแต่ผมเลือกแบบ Text based เพราะผมไม่ได้ลง X windows ไว้

4. Compile kernel
เร่ิมการ compile ด้วยการสร้าง kernel image
$ make
$ make modules
# make modules_install

5. Install kernel
หลังจากที่ได้ compile kernel และได้ติดตั้ง Module แล้ว คราวนี้ก็มาถึงการติดตั้งตัว kernel เองด้วยคำสั่ง
# make install
โดยคำสั่งนี้จะติดตั้ง 3 File คือ
System.map-2.6.35.2
config-2.6.35.2
vmlinuz-2.6.35.2
ซึ่งเราจะต้องตามไป configure ที่ /boot directory เพื่อให้ระบบ boot ด้วย kernel อันใหม่

6. สร้าง initrd image
# cd /boot
# mkinitramfs -o initrd.img-2.6.235.2 2.6.35.2
ใน initrd images ประกอบด้วย device driver อันที่จำเป็นต้องใช้ในการ Load operating system ใช่ว่าทุกเครื่องจำเป็นต้องมี initrd แต่สร้างไว้ก่อนเพื่อความชัวร์

7. แก้ไข Grub configuration file - /boot/grub/menu.lst แก้ไขไพล์โดยใช้ nano:
# nano /boot/grub/menu.lst
title Debian GNU/Linux, kernel 2.6.35.2 Default
root (hd0,0)
kernel /boot/vmlinuz root=/dev/hdb1 ro
initrd /boot/initrd.img-2.6.35.2
savedefault
boot

ต้องระบุ Hd ให้ถูกตัว เสร็จแล้วก็ Save ถ้าขี้เกียจก็พิมพ์ตามข้างบนก็ให้พิมพ์แค่นี้พอ
# update-grub

8. Reboot เครื่อง เพื่อจะได้ใช้ Kernel อันใหม่
# reboot

http://www.cyberciti.biz/tips/compiling-linux-kernel-26.html

13 ส.ค. 2553

Backing & Restoring Mysql Database via the command line

Backing up via the command line
To backup from the command line of your shell account, log in and type the following at the prompt replacing USERNAME and DATABASE as described previously:

mysqldump -a -u USERNAME -p DATABASE > FILENAME.mysql

You will be prompted for your database password and then the DATABASE will be dumped to a plain-text file called FILENAME.mysql.

The resulting file, FILENAME.mysql, is a full backup with which you can fully restore your database in case of problems.

Restoring via the command line
Restoring from FILENAME.mysql is a three step process:

1.Drop the database
mysqladmin -u USERNAME -p drop DATABASE

2.Recreate the database
mysqladmin -u USERNAME -p create DATABASE

3.Import the backup data
mysql -u USERNAME -p Databasename < FILENAME.mysql

Failed to find module "sql".

Freeradius version 2
Problem
หลังจาก run radiusd -X มีข้อความแบบนี้

/etc/freeradius/sites-enabled/default[152]: Failed to find module "sql".
/etc/freeradius/sites-enabled/default[62]: Errors parsing authorize section.

Solution
nano /etc/freeradius/radiusd.conf
แล้วเอา # หน้า $INCLUDE sql.conf ออก

12 ส.ค. 2553

Ubuntu 10.04 ไม่มี tun แล้ว "FATAL: Module tun not found."

ผมได้ลองคำสั่ง modprobe tun
บน Ubuntu 10.04แล้ว มี error แบบนี้ "FATAL: Module tun not found."

แล้วได้ไปอ่านเวบนี้
http://piotrnowicki.com/blog///calmate.php/2010/07/03/snx-in-ubuntu-10-04
ก็ได้ร้องอ๋อ เป็นอย่างนี้นิเอง

ปรากฎว่า ตัว kernal ของ Ubuntu V10.04 เค้าได้ compile Tun ไปไว้ใน Kernel เลย
วิธีแก้ไข
1. Compile Kernel ใหม่ โดยให้ Compile Tun แบบ Module
2. พิมพ์ตามนี้
echo -e "install tun /bin/true\n" > built-in.conf
sudo cp built-in.conf /etc/modprobe.d/
วิธีที่ 2 ผมทำแล้ว ไม่ work ไม่รู้ว่าทำไม